โดย พิมาภา ธิติวณิชย์
“ทิ้งขยะให้ถูกถัง” …… “ทำไมถึงไม่เอาขยะไปทิ้ง” …… “กินเสร็จแล้วอย่าลืมทิ้งให้เรียบร้อย” …… ฯลฯ สารพัดประโยค สารพัดถ้อยคำที่เราได้ยินกันทุกวัน ทุกวัน หรืออาจจะเรียกได้ว่า ได้ยินกันเป็นยาประจำตัว คือ 3 มื้อ ก่อน หรือ หลังอาหาร .. ถ้าไม่ได้ยิน ก็คงเป็นผู้พูดเสียเอง หรือ ถ้าไม่ได้เป็นผู้พูดเสียเอง ก็อาจคิดอยู่ในใจจนกลายเป็นระบบอัตโนมัติไปแล้ว…
“ทิ้งขยะให้ถูกถัง”
“ทำไมถึงไม่เอาขยะไปทิ้ง”
“กินเสร็จแล้วอย่าลืมทิ้งให้เรียบร้อย”
ฯลฯ
สารพัดประโยค สารพัดถ้อยคำที่เราได้ยินกันทุกวัน ทุกวัน หรืออาจจะเรียกได้ว่า ได้ยินกันเป็นยาประจำตัว คือ 3 มื้อ ก่อน หรือ หลังอาหาร .. ถ้าไม่ได้ยิน ก็คงเป็นผู้พูดเสียเอง หรือ ถ้าไม่ได้เป็นผู้พูดเสียเอง ก็อาจคิดอยู่ในใจจนกลายเป็นระบบอัตโนมัติไปแล้ว ลองนึกดูว่าเวลาประกอบอาหาร เราหยิบผักออกมาจากบรรจุภัณฑ์ (ถุง ถาด กล่อง ฯลฯ) เราหั่นผัก เตรียมเนื้อสัตว์ จากนั้นบรรจุภัณฑ์เหล่านั้น ก็มักจะเป็นขยะ เช่นกันกับอาหารสำเร็จรูป เมื่อเทอาหารออกจากบรรจุภัณฑ์ปุ๊บ ก็แทบจะหย่อนบรรจุภัณฑ์ลงถังปั๊บ .. เรียกได้ว่า เป็นไปโดยอัตโนมัติ (หรือไม่ก็ได้ยินผู้ใหญ่เตือนมา ไม่ก็เราเป็นผู้ใหญ่เตือนเด็กเสียเอง)
ถ้าเรามอง และคิดกันดีๆ สิ่งที่เราเรียกกันติดปากว่า “ขยะ” ก่อนหน้านี้ ไม่น่าจะใช่ขยะ ก่อนที่จะไปถึงประเด็น อดีตเพื่อนที่ถูกทิ้ง อดีตมิตรที่ถูกลืม เรามาทำความเข้าใจความหมายกันสักหน่อย นิยามคำว่า “ขยะ” อ้างอิงตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 มีความหมายตามนี้
“ขยะ” หมายถึง หยาก เยื่อมูลฝอย
จริงๆ มีการจับคู่คำว่า “ขยะ” กับอีกหลายคำ เพื่อขยายความ หรือตีเป็นสำนวน เช่น ขยะมูลฝอย ขยะแขยง .. คำแรก ให้ความหมายในเชิงการขยายความ คำหลังให้ความหมายในเชิงความรู้สึก
เราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้กันมากนัก เอาเป็นว่า พอพูดถึงคำว่าขยะ ความเข้าใจที่ตรงกันทุกคน คือ สิ่งนี้คือสิ่งที่เราไม่ต้องการ สิ่งนี้คือสิ่งที่ไม่ควรอยู่ในเคหะสถาน ไม่เอามาใกล้ชิด บางท่านอาจนึกเลยไปถึงว่า เป็นสิ่งสกปรก มีเชื้อโรค กันเลยทีเดียว
เราลองมาคิดกันเล่นๆ ว่า ก่อนขยะ จะเป็นขยะนั้น มันคืออะไรบ้างและทำหน้าที่อะไรให้เรา (หรือแม้กระทั่งว่า เราเสียเงินซื้อมาในมูลค่าเท่าไหร่)

1. ถุงร้อนที่ใส่แกงมาแล้ว…
คือ พลาสติก เป็นถุงพลาสติกที่เคยสะอาดมาก่อน (แน่ล่ะ! ลองสกปรกดูสิ ใครจะหยิบมาตักแกงใส่ … แม้กระทั่งถุงพลาสติกรียูส (Reuse = ใช้ซ้ำใหม่) ล้างเสียสะอาดหมดจด ก็คงไม่มีใครคิดว่าจะนำมาใส่อาหารซ้ำ) ….. ก็แล้วตอนที่เขาเป็น “คุณถุงร้อน” หรือ “คุณถุงแกง” ที่อำนวยความสะดวกสบายให้เรา .. ณ จุดนั้นคงไม่ได้มาฟรีๆ แน่นอน แต่ทันทีที่เขาสิ้นสุดหน้าที่ ก็กลายเป็นสิ่งที่ “ต้องทิ้งไป” เสียเช่นนั้น (ก็ยังน่าชื่นใจที่มีนักสิ่งแวดล้อมหลายคน พยายามลด เลี่ยง การใช้บรรจุภัณฑ์ชนิดใช้แล้วทิ้ง จะใช้เป็นปิ่นโต กล่องข้าว ฯลฯ แต่อย่ากระนั้นเลย หลายสถานการณ์ก็เลี่ยงการใช้ค่อนข้างลำบาก นอกจากจะขวาจัด ซ้ายจัด ก็เท่านั้น)

2. ขวดน้ำชนิดพลาสติก…
จะขวดน้ำเปล่า จะหนา จะบาง จะใสๆ จะมีสี แต่หากว่าทำมาจากพลาสติก ก็ถูกจัดว่าเป็น “ขวดพลาสติก” ทั้งนั้น จริงๆ แล้ว “ขวดพลาสติก” อาจดูมีภาษีกว่าถุงแกงอยู่สักหน่อย ตรงที่ สามารถขายได้ มีมูลค่า มีราคา (อันที่จริง ถุงแกง ก็ขายได้นะ แต่ด้วยความที่ต้นทุนก็น้อยนิด กระบวนการที่ใช้เพื่อเล่นแร่แปรธาตุ ก็มีต้นทุนที่สูง จะพูดถึงในบทต่อไป .. จึงทำให้ ถุงแกงนี้แทบไม่มรีราคา ตกกระป๋องไปโดยปริยาย) .. ก็ลองมาคิดลึกๆ กันสักหน่อย ก่อนที่จะลงถังขยะไป ขวดพลาสติกแต่ละใบผ่านอะไรๆ มามากมาย ทั้งเรื่องการดีไซน์ออกแบบให้ถูกตาต้องใจผู้บริโภค ทั้งด้านการนำวัตถุดิบมาผ่านกระบวนการเป็นขวด 1 ใบ จากนั้นก็มาถึงมือเรา (แน่นอนว่าสิ่งที่มาถึงมือเราคือ ขวดพลาสติกพร้อมเครื่องดื่มที่อยู่ข้างใน) … ถ้าจะว่ากันด้วยเรื่องของราคา คุณผู้อ่านคิดว่า ราคา “น้ำเปล่าที่ผ่านกระบวนการให้กลายเป็นน้ำสะอาดปลอดภัยพร้อมดื่ม” กับราคาของ “ขวดที่บรรจุน้ำเปล่า” อะไรแพงกว่ากัน .. เรื่องนี้ขอไม่เฉลย แต่จะเขียนไปเรื่อย ๆ ให้คุณผู้อ่านได้คิดตามและตีความ หรืออาจจะหาข้อมูลเพิ่มเติมดู

3. กล่องโฟม…
มาถึงจุดนี้ ผู้เขียนแทบอุทาน “ไอ๋หยา!” กันเลยทีเดียว แต่จะไม่พูดถึงก็ไม่ได้
ในความตั้งใจเขียนหนังสือเล่มนี้ ผู้เขียนไม่ได้อยากให้บรรจุภัณฑ์ใดๆ รับบทเป็นผู้ร้ายเลย แม้แต่ประเภทเดียว เพราะถ้าจะเจียระไนกันจริงจัง มนุษย์นั่นแหละเป็นตัวการหลักเลยทีเดียว ตั้งแต่ความต้องการบริโภค ไปถึงการผลิต .. แต่ แต่ แต่ (ต้องมี 3 แต่เลยทีเดียว) อย่าลืมว่า โลกเราพัฒนาไปเรื่อย ๆ ดังนั้น การคิดสิ่งใดได้ ณ ช่วงเวลาใด ก็นับเป็นจุดสำเร็จสูงสุด ตอบโจทย์ ณ ช่วงเวลานั้นๆ ทั้งนี้ เมื่อเวลาผ่านมา วิทยาการก้าวหน้ามากขึ้น ทำให้มนุษย์เห็นถึงผลกระทบจากการผลิตจากการบริโภคได้ชัดเจนขึ้น ก็ย่อมต้องมีการพัฒนาปรับปรุงทั้งกระบวนการ ทั้งวัสดุการผลิต เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
แต่จนแล้วจนรอด จะคิดนวัตกรรมใหม่เอี่ยมอ่องอะไรๆ ก็ตามแต่ ก็ยังเลี่ยงไม่ได้ว่า สิ่งใด กระบวนการใด ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (และภาวะโลกร้อน และสภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง) ได้มากน้อยกว่ากันเท่าไร
ว่ากันด้วยกล่องโฟม ก็มีทั้งกล่องโฟมบรรจุอาหาร ร้อน เย็น ไปถึงลังโฟม ที่นิยมใส่น้ำแข็งกัน (บางคนก็เอาไว้ใส่ข้าว ข้าวเหนียว กับข้าว ร้อนๆ ก็มีนะ) … กล่องโฟม ก็เข้าข่ายเดียวกับถุงแกงเลย คือ เมื่อใช้เสร็จก็ถูกโยนทิ้งทันใด .. อ้าว แล้วมีกระบวนการอะไรที่ดูแลกันได้ไหม … อ๊ะ อ๊ะ ยังไม่เฉลยจ้ะ ไปรออ่านในตอน “พลาสติก .. จากทองคำสีดำสู่สิ่งใกล้ตัว” ก็แล้วกัน .. เอ๊ะแล้วโฟมเกี่ยวอะไรกับพลาสติกล่ะ…. หลายคนรู้แล้ว หลายคนเริ่มสงสัยแล้วใช่ไหมล่ะ … ใจเย็นๆ ค่อยๆ อ่านกันไป หรือจะพลิกไปอ่านหน้า….. เลยก็ได้ แต่อย่าลืมย้อนมาอ่านต่อ ยังมีความน่าตื่นตาตื่นใจ รออยู่

4. กล่องนม กล่องเครื่องดื่ม…
นั่นแน่ .. พระเอก (ของผู้เขียน) มาแล้ว
ที่ว่าเป็นพระเอก เพราะผู้เขียน คลุกคลีกับบรรจุภัณฑ์ชนิดนี้ มากเป็นพิเศษ ไม่ได้หมายความว่าผู้เขียนเคยทำงานในโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์ แต่ผู้เขียนทำโครงการรณรงค์การคัดแยกกล่องเครื่องดื่มมาเป็นระยะเวลา 12 ปีเต็ม เป็นช่วงเวลาที่ผลักดันการคัดแยก ผ่านหลายโครงการ ผ่านหลายรูปแบบมากๆ (ยุคบุกเบิก ซึ่งพูดเลยว่า โอ้ งานหิน เดี๋ยวเล่าให้ฟังตอน “บรรจุภัณฑ์ยูเอชที .. วัสดุแปลงร่าง เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค”)
ว่ากันด้วยเรื่องของการบริโภค กล่องเครื่องดื่ม จัดเป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทมิตรสหาย ยิ่งเป็นกล่องนม นี่ คู่คิดมิตรเด็กเล็กเลย เพราะคุณพ่อคุณแม่คุณลุงคุณป้าคุณน้าคุณอา ปัจจุบันมักจะจัด “นมกล่อง” ลงกระเป๋าเด็ก ๆ ให้ไปดื่มที่โรงเรียน 2-3 กล่องเลยทีเดียว นี่เรียกได้ว่าเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ได้รับความไว้วางใจให้อยู่คู่เด็ก
อย่าว่าแต่เด็กเลย ขนาดวัยผู้ใหญ่ โตแล้วหรือย่างเข้าวัยรุ่นตอนปลาย ผู้ใหญ่มากๆ แม้กระทั่งคุณตาคุณยาย ก็ยังใช้กล่องเครื่องดื่ม กล่องยูเอชที กันมากมาย
ก่อนเปิดกล่องก็ดู ไม่มีปัญหาอะไร แต่พอได้เปิดกล่อง ดื่ม ใช้ ของเหลวที่อยู่ภายใน ส่วนใหญ่ก็ ลงถัง … บางท่านพอรู้ว่านำไปรีไซเคิลได้ ก็ใจดีแยกกันไว้ แต่มีจำนวนไม่น้อยที่อาจจะยังไม่รู้ ก็ส่งผลให้เพื่อนรักของเรากลายเป็นขยะได้ง่ายๆ จริงๆ ปัญหามันอยู่ที่ว่า สิ่งที่อยู่ในกล่องยูเอชที หากเป็นนม เป็นกะทิ เมื่อเราใช้กล่องแล้ว ก็จะเกิดกลิ่นไว มีมดขึ้นบ้าง เป็นต้น ก็เลย ทิ้งกัน ไว มาก

5. กระดาษ…
เท่าที่ผู้เขียนสังเกต กระดาษ ถ้าไม่ใช่กระดาษทิชชู่ นะ จะไม่ค่อยถูกทอดทิ้งสักเท่าไหร่ แต่ ไม่ใช่ “ทุกชนิดกระดาษ” จะผ่านการเข้ารอบไปรีไซเคิลได้ในกระบวนการแบบเดียวกัน
อยากให้ผู้อ่าน คิดดู ทายให้สนุกๆ ว่า กระดาษที่เราใช้ เห็น จับต้อง กันทุกวันนี้ มีกี่ชนิด กี่ประเภท มีกระดาษอะไรบ้าง
.
.
.
ที่ผู้เขียนคิดได้ คือ กระดาษขาว กระดาษสี กระดาษเคลือบ กระดาษแข็ง กระดาษหนังสือพิมพ์ กระดาษพรูฟ กระดาษการ์ด (ก็คือกระดาษเคลือบแข็งมีสี) กระดาษที่ใช้บรรจุ หรือ ห่ออาหาร (ฉาบพลาสติกไว้ด้านหนึ่ง) กระดาษคราฟท์ กระดาษไข กระดาษฟอยล์ กระดาษสา กระดาษลอกลาย กระดาษลูกฟูก กระดาษอาร์ตที่ใช้อัดรูป กระดาษย่น กระดาษรีไซเคิล … สารพัด คิดว่ายังมีอีก … นี้ไม่รวมพวกกระดาษทิชชู่ชนิดต่างๆ แต่เอาล่ะ พอก่อน เดี๋ยวค่อยว่ากันด้วยเรื่องเฉพาะทาง
อันที่จริงแล้ว กระดาษ จะว่าถูกทิ้งได้ง่าย ก็เป็นไปได้ ถูกทิ้งได้ยาก ก็เป็นไปได้ คงขึ้นอยู่กับว่าเป็นกระดาษใช้ทำอะไร มีมูลค่ามากน้อยแค่ไหน ที่สำคัญ กระดาษนั้นๆ อยู่กับใคร.. อยู่กับคนที่แยกขยะอยู่แล้วหรือเปล่า หรืออยู่สำนักงานที่มีแม่บ้านคอยคัดแยก หรือ อยู่บนโต๊ะเราตอนนี้ล่ะ เพิ่งจะเขียนรายการซื้อของ และเมื่อซื้อของเสร็จตามรายการที่จดบันทึกไว้ กระดาษแผ่นน้อยๆ นี้ อาจลงถังขยะไป
หลายคนอาจคัดค้านว่า การทิ้งกระดาษ ไม่ได้สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากนัก เพราะอีกไม่นานกระดาษนี้ก็จะย่อยสลายไปอย่างง่ายดาย .. ในเวลานั้น ผู้เขียน คิดค้านในใจเงียบๆ ว่า แล้วไม่นึกถึงตอนก่อนที่จะมาเป็นกระดาษหรือ ต้นไม้ที่นำมาทำกระดาษ ใช้เวลากี่ปีถึงโตพอให้ตัด ต่อให้เป็นป่าปลูกทดแทนก็เถอะ ที่ดินอีก ค่าดูดซับคาร์บอนอีก ดินอีก พลังงานที่ใช้เพื่อการผลิตอีก .. แต่ไม่ได้พูดค้านอะไรไป เพราะพูดกันในบริบทของปลายทางวัสดุเหลือใช้ ก็ได้แต่คิดและถ่ายทอดทัศนคติให้ถูกที่ ถูกเวลา
.. เพื่อนรักที่ชื่อกระดาษนี้ จึงมีเรื่องเล่าอีกมากมาย ..

6. ขวดแก้ว…
พอพูดถึงขวดแก้ว ที่ ใช้แล้ว สมัยก่อนผู้เขียนจะนึกถึงรั้วบ้าน ที่มีขวดสีชา สีเขียว ปักๆ คมๆ กันโจรขโมย แต่แหม .. จำนวนขวดแก้วที่ใช้แล้ว มีเยอะมาก เยอะมากๆ มากพอที่ทำให้ผู้เขียนตกใจ (มาก) ว่า โอ้ คนไทยเราบริโภคเครื่องดื่มบำรุงกำลัง และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กันมากขนาดนี้เลยหรือ
ถ้าจะว่าไป ขวดแก้วในทัศนะของผู้เขียนเอง ก็เป็นหนึ่งในบรรจุภัณฑ์ที่ไม่ค่อยสร้างปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมเสียเท่าไหร่ “ตราบเท่าที่ ขวดยังไม่แตก” แล้วถ้ามันแตกล่ะ.. เช่นเดิม จุดจบมักจะอยู่ที่ถังขยะ (โดยขวดแก้วนั้น ถูกห่อไว้หลายต่อหลายชั้น กันบาดมือ บาดเนื้อตัว) แล้วมันก็เดินทางสู่หลุมฝังกลบ นอนอยู่ในนั้นตราบนานแสนนาน
แม้ขวดแก้ว หนึ่งในเพื่อนสนิทมิตรนักบริโภค จะมีข้อดีในเรื่องของการใช้ซ้ำ แต่ยังมีจุดอ่อนอยู่หลายประการ เช่น น้ำหนักที่มากเมื่อเทียบกับบรรจุภัณฑ์ประเภทอื่น และความเปราะบางของบรรจุภัณฑ์ ซึ่ง 2 ปัจจัยนี้ก็ส่งผลให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางอ้อมได้ในระดับหนึ่ง เราจะพูดถึงเรื่องนี้ในบทที่เกี่ยวข้องกับแก้ว อีกครั้งหนึ่ง

7. กระป๋อง…
นี่ก็เป็นเพื่อนสนิทนักบริโภค และเป็น “เพื่อนซี้” พี่ซาเล้งเขาเลย
จะไม่ซี้ปึกได้อย่างไร เพราะ “โลหะ” นั้นมีมูลค่าสูง กระป๋องเครื่องดื่มอัดลม และกระป๋องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ช่วงหนึ่งมีมูลค่าสูงถึง กิโลกรัมละ 40 บาทเลยทีเดียว
ผู้เขียนคิดว่า วัสดุชิ้นนี้ ก็ยังคงแพงต่อไป ยิ่งภาวะสงคราม (ปีที่เขียนคือ พ.ศ2565 สงครามยูเครน-รัสเซีย) ราคาโลหะยิ่งทะยาน ถ้าพูดกันในศัพท์สมัยนี้ต้องเรียกว่า To the moon กันเลยทีเดียว
ผู้เขียนเอง ก็สงสัยเหมือนกันว่าในภาวะที่โลหะแพงขนาดนี้ เราจ่ายค่าสินค้า แยกเป็นตัวสินค้ากับบรรจุภัณฑ์ ราคาเท่าไหร่ … ผู้เขียนมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่า ไม่มีทางที่ราคาบรรจุภัณฑ์ใช้แล้ว จะแพงไปกว่าราคาต้นทาง คือ ต้นทุนผลิต ย่อมสูงกว่าราคาที่ขายเป็นวัสดุเหลือใช้ ตัวอย่างเช่น เราจ่ายค่าบรรจุภัณฑ์ A ในราคา 10 สตางค์ เมื่อเราใช้บรรจุภัณฑ์ A แล้ว เก็บไว้ขาย เมื่อขาย ราคาบรรจุภัณฑ์ A ไม่น่าจะสูงไปกว่า 10 สตางค์
แต่ๆ ผู้เขียนต้องเบรกความคิดนี้ดังเอี๊ยดสนั่นลั่นทุ่ง ก็เพราะก่อนที่จะเขียนบทความนี้ได้ 2 วัน ในขณะที่กำลังอัพเกรดสมองอยู่นั้น ผู้เขียนพบว่า บรรจุภัณฑ์ใช้แล้วชนิดหนึ่ง ราคาแพง มากๆ ขายออนไลน์กันโจ๋งครึ่ม เรื่องนี้ เปลี่ยนมุมมองผู้เขียน และทำให้ผู้เขียนหาข้อมูลอย่างจริงๆ จังๆ รวมถึงสัมภาษณ์สารพัดบุคคล ก็จะเล่าให้ฟังในตอนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ย้อนกลับมาที่ เรื่องของ “โลหะ” กันต่อ พูดกันให้ถนัดก็กลุ่ม กระป๋องทั้งหลาย
ท่านผู้อ่านมีวิธีจัดการกับกระป๋องใช้แล้วอย่างไร ทิ้งไป (ก็อาจคิดว่า เดี๋ยวซาเล้งก็เก็บไปเอง .. ซึ่ง เป็นเรื่องจริง แต่ไม่ 100% เพราะผู้เขียนเคยเห็นซากกระป๋องติดอยู่ในภูเขาขยะ ที่จุดพักขยะชื่อดังในกรุงเทพ .. โอ้โห ขนาดราคาสูงนะ ยังรอดสายตาพี่ซาเล้งไปได้) หรือท่านผู้อ่าน แยกไว้ … และถ้าแยกไว้ แล้วทำยังไงต่อกับกระป๋องเหล่านั้น .. บริจาค หรือ ขาย ? เหล่านี้ขอให้ท่านผู้อ่าน ลองคิดเล่นๆ ทดไว้ในใจ รออ่านบทต่อไป